ก่อนแต่งงาน

เซ็นหรือไม่เซ็น ทำไมบางคนถึงกลัวทะเบียนสมรส
เรื่องทะเบียนสมรสเป็นอะไรที่พูดยากมาก สำหรับบางคนมันคือหลักฐานของความรัก ความมั่นคง การสร้างครอบครัวร่วมกัน แต่สำหรับบางคน มันคือพันธะ คือเอกสารที่ทำให้รู้สึกว่าอิสระหายไปทันทีที่ลงลายเซ็น

หลายคนกลัวการเซ็น เพราะมันรู้สึกเหมือนกับว่าความสัมพันธ์ที่เคยมีอิสระกลายเป็นกฎระเบียบไปในทันที จากที่เคยอยู่ด้วยกันเพราะความรักล้วนๆ กลายเป็นว่ามีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง หลายคนมองว่าถ้าแต่งงานกันแล้วรักกันจริง จะมีหรือไม่มีทะเบียนก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไร แต่บางคนก็รู้สึกว่าถ้าไม่มีทะเบียน ทุกอย่างมันดูไม่มีหลักประกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะไม่เหลืออะไรเลย

อีกเหตุผลที่หลายคนลังเลคือเรื่องของการเงินและทรัพย์สิน ทะเบียนสมรสทำให้ทุกอย่างที่หามาระหว่างแต่งงานเป็นของร่วมกัน หลายคนรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้ดี เพราะถ้าทุกอย่างไปได้สวยก็ดีไป แต่ถ้าวันหนึ่งต้องแยกทางกัน ทุกอย่างอาจจะยุ่งยากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว คนที่เคยผ่านการหย่ามาแล้วจะเข้าใจดีว่ากระบวนการนี้มันไม่ง่ายเลย

บางคนกลัวทะเบียนสมรสเพราะมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง พอมีเอกสารรับรองว่าเป็นสามีภรรยากันแล้ว หลายอย่างก็อาจจะไม่เหมือนเดิม ความคาดหวังอาจจะเพิ่มขึ้น หน้าที่รับผิดชอบอาจจะมากขึ้น คนรักที่เคยสบายๆ อาจจะเริ่มจริงจังกับทุกอย่างมากขึ้น มันเลยทำให้หลายคนกลัวว่า การแต่งงานที่ไม่มีทะเบียนอาจจะเป็นทางเลือกที่สบายใจกว่า อยู่ด้วยกันเพราะรักล้วนๆ ไม่มีเรื่องข้อผูกมัดทางกฎหมายมาเป็นตัวแปร

สุดท้ายแล้ว การเซ็นหรือไม่เซ็นไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่ารักกันมากหรือน้อย เพราะการใช้ชีวิตคู่จริงๆ มันอยู่ที่ความเข้าใจ ไม่ใช่แค่เอกสารที่มีลายเซ็น สบายใจทางไหนก็เลือกทางนั้น ขอแค่เป็นทางที่ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกมั่นคงและมีความสุขก็พอ
5 คำถามที่ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนแต่งงาน
ชีวิตคู่ไม่ใช่แค่เรื่องของความรักอย่างเดียว ถึงจะรักกันมากแค่ไหน ถ้ายังไม่ได้คิดให้รอบคอบ บางทีการแต่งงานอาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหามากกว่าความสุข ก่อนจะเดินเข้าพิธี ลองถามตัวเองให้แน่ใจว่าพร้อมจริงๆ หรือยัง

1. อยู่กับคนนี้ไปตลอดชีวิตได้ไหม
การแต่งงานไม่ใช่แค่การจัดงานใหญ่โตแล้วจบ แต่หมายถึงการใช้ชีวิตร่วมกันไปอีกนาน อาจจะไม่ถึงตลอดชีวิต แต่ก็คือช่วงเวลาที่ยาวนานพอสมควร อยู่กับนิสัยที่เห็นทุกวัน รับมือกับข้อเสียที่เคยพอรับได้ตอนเป็นแฟน ถ้ารู้สึกว่าแค่คิดถึงอนาคตก็เริ่มไม่แน่ใจ อาจต้องกลับมาทบทวนให้ดี

2. เป้าหมายชีวิตไปทางเดียวกันหรือเปล่า
บางคนฝันอยากมีบ้านเงียบๆ ชานเมือง บางคนอยากใช้ชีวิตแบบอิสระท่องเที่ยวรอบโลก ถ้าความฝันไปกันคนละทาง ความสุขหลังแต่งงานอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด คุยกันให้ชัดว่าสิ่งที่อยากได้ในชีวิตคืออะไร และพร้อมจะปรับเข้าหากันแค่ไหน ถ้าไม่มีทางเจอกันตรงกลางได้เลย อาจต้องคิดอีกทีว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเวิร์คหรือเปล่า

3. รับมือกับปัญหายังไงเวลาทะเลาะกัน
ตอนเป็นแฟน อาจมีงอนกัน เงียบใส่กัน แล้วสุดท้ายก็หาย แต่ชีวิตคู่จริงๆ ต้องเจออะไรที่หนักกว่านั้น อาจจะเป็นเรื่องเงิน ครอบครัว ความกดดันต่างๆ ถ้าทะเลาะกันแล้วหนีหาย หรือไม่มีวิธีจัดการปัญหาร่วมกัน สุดท้ายแต่งงานไปก็อาจไม่รอด ต้องรู้ว่าคนนี้พร้อมจะจับมือกันฝ่าปัญหาหรือเปล่า ไม่ใช่แค่รอให้มันผ่านไปเอง

4. เรื่องเงินคุยกันชัดเจนหรือยัง
เรื่องเงินเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลายคู่มีปัญหาหลังแต่งงาน รายได้ใครดูแลอะไร แบ่งค่าใช้จ่ายยังไง มีหนี้หรือภาระอะไรต้องรับผิดชอบไหม ถ้าคิดว่าแต่งไปเดี๋ยวค่อยว่ากัน สุดท้ายอาจจะกลายเป็นปัญหาบานปลายที่ทำให้ชีวิตคู่ไปต่อไม่ได้

5. ถ้าวันหนึ่งไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิม ยังอยากอยู่ด้วยกันไหม
ความรักมันไม่ได้คงที่ตลอดเวลา อาจมีช่วงที่หวาน มีช่วงที่เฉยๆ หรือบางทีอาจมีช่วงที่รู้สึกไม่เหมือนเดิม ถ้าวันหนึ่งตื่นมาแล้วไม่ได้รู้สึกรักเหมือนวันแรก ยังอยากอยู่ด้วยกันต่อไหม เพราะชีวิตคู่ไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้สึก แต่เป็นเรื่องของความผูกพัน ความเข้าใจ และการเลือกที่จะอยู่ด้วยกันแม้ในวันที่ไม่ได้รู้สึกหวือหวาเหมือนเดิม

แต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของวันนี้หรือพรุ่งนี้ แต่เป็นเรื่องของชีวิตที่ต้องเดินไปด้วยกัน ลองถามตัวเองให้ชัด ตอบให้ได้ทุกข้อ แล้วค่อยตัดสินใจ เพราะถ้าพร้อมจริง ชีวิตคู่จะไม่ใช่แค่เรื่องที่ต้องพยายาม แต่มันจะเป็นเรื่องที่มีความสุขไปด้วยกัน
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy