วิธีสื่อสารแบบไม่งอน ไม่จม ไม่หาย สำหรับคู่รักยุคใหม่

วิธีสื่อสารแบบ ไม่งอน ไม่จม ไม่หาย สำหรับคู่รักยุคใหม่
ในความสัมพันธ์ยุคนี้ คนส่วนใหญ่ต้องรับมือทั้งงาน ชีวิตส่วนตัว ความคาดหวังของครอบครัว และภาระทางอารมณ์ที่ซ้อนทับกันไปหมด ความรักของคู่ยุคใหม่รวมถึงคู่รัก LGBTQ+เลยต้องการวิธีสื่อสารที่นุ่มนวล แต่ชัดเจน ที่ช่วยให้หัวใจสองดวงไม่หลงทางกันกลางทาง
คำว่า ไม่งอน ไม่จม ไม่หาย คือสูตรลับที่หลายคู่เริ่มหันมาใช้ เพราะช่วยทำให้การคุยกันง่ายขึ้น เข้าใจกันเร็วขึ้น และยังรักษาบรรยากาศดีๆ ระหว่างกันได้แบบไม่ต้องฝืนใจเลยสักนิด
มาดูแบบทีละข้อ ว่าทำยังไงให้ความสัมพันธ์เบาสบายขึ้น โดยไม่ต้องมาเหนื่อยกับการเดาอารมณ์กันอีกต่อไป
1) ไม่งอน เพราะความรู้สึกซ่อนอยู่ใต้ความเงียบ
บางครั้งเวลามีเรื่องไม่สบายใจ หลายคนเลือกเงียบ เลือกถอย หรือเลือกเก็บไว้ในใจ ซึ่งดูเหมือนง่าย แต่กลับกลายเป็นการสะสมระเบิดไว้ในหัวใจ
วิธีแก้คือ สื่อสารแบบตรง แต่ไม่กระแทก
พูดด้วยโทนนุ่มๆ ว่าอะไรคือจุดที่ทำให้ใจเสีย หรืออะไรที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นคง
ตัวอย่างประโยคที่ช่วยให้ไม่งอนจนบานปลาย เช่น:
เมื่อกี้ใจสั่นนิดนึง อยากเล่าให้ฟังนะ
ขออธิบายความรู้สึกแป๊บ เผื่อจะเข้าใจกันมากขึ้น
ตรงนี้ทำให้ใจหดๆ อยากคุยให้เคลียร์
ยิ่งพูดตรง ยิ่งงอนน้อย ความสัมพันธ์ยิ่งเดินง่ายขึ้น
2) ไม่จม เพราะความรู้สึกไม่ต้องจมนานเสมอไป
คู่รัก LGBTQ+ หลายคู่ต้องเผชิญความกดดันจากสังคม ความเข้าใจผิด หรือความคาดหวังที่สูงเกินไปจนบางทีความรู้สึกหนักหน่วงเกินแบกไหว การจมในความรู้สึกอาจทำให้สองคนเหนื่อยพร้อมกัน
วิธีช่วยกันไม่ให้จมคือ
ตั้งขอบเขตอารมณ์อย่างเป็นธรรมชาติ เช่น
ขอเวลาตั้งหลัก 1530 นาที
เดินเล่นให้หัวโล่งแล้วค่อยกลับมาคุย
หายไปทำอย่างอื่นที่ทำให้ใจเบาแล้วค่อยกลับมาเจอกันตรงกลาง
การเว้นระยะสั้นๆ แบบนี้ช่วยให้ไม่จมและไม่ดึงอีกฝ่ายลงไปในอารมณ์ลบด้วย
3) ไม่หาย เพราะความเงียบทำให้เดายากที่สุด
นิ่งหายไปเฉยๆ คือปัญหาใหญ่ของคู่รักยุคนี้
โดยเฉพาะคู่รักหลากหลายเพศที่บางครั้งกลัวทำอีกฝ่ายผิดหวังจนเลือกหลบหน้า
วิธีแก้คือ แจ้งเบาๆ ก่อนหายจากหน้าจอ เช่น:
ขอไปตั้งสติก่อน เดี๋ยวกลับมาคุยนะ
ต้องไปทำงานแป๊บ เดี๋ยวสานต่อทีหลัง
ตอนนี้ใจล้าหน่อย ขอพักนิดนึงนะ เดี๋ยวกลับมา
ไม่ต้องรายงานทุกอย่าง แค่ให้สัญญาณเล็กๆ ว่า ไม่ใช่การทิ้งกัน
เพียงเท่านี้ความรู้สึกไม่มั่นคงก็ลดลงไปเยอะมากแล้ว
4) คุยลึกแบบเข้าใจ ไม่ใช่คุยถี่แบบพยายามตามกันทัน
สื่อสารให้ลึกสำคัญกว่าสื่อสารให้เร็ว
หลายคู่คุยกันทั้งวันแต่ไม่เข้าใจกันเลย
เพราะคุยแบบตอบแชท ไม่ใช่คุยแบบเปิดหัวใจ
ลองตั้งคำถามที่ทำให้เข้าใจกันมากขึ้น เช่น:
ตอนนี้หัวใจอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม
วันนี้อะไรทำให้เหนื่อยที่สุด
มีอะไรที่อยากขอความช่วยเหลือจากกันไหม
ความลึกสร้างความมั่นคง
ความถี่สร้างการตอบสนอง
แต่ความรักต้องการทั้งสองอย่างในสัดส่วนที่พอดี
5) สร้างภาษาความรักของคู่ตัวเอง
คู่อื่นอาจสื่อสารแบบหนึ่ง แต่คู่ตัวเองอาจต้องใช้แบบหนึ่ง
ยิ่งเป็นคู่รัก LGBTQ+ ยิ่งมีอัตลักษณ์ อารมณ์ และประสบการณ์เฉพาะตัวที่ต้องใช้รูปแบบสื่อสารเฉพาะตัว
บางคู่ชอบแฮงเอาท์หลังทะเลาะ
บางคู่ต้องการแชท
บางคู่ต้องการกอด
บางคู่ต้องการเวลา
บางคู่ต้องการคำอธิบาย
ไม่มีรูปแบบไหนผิดหรือถูก
มีแค่วิธีที่เหมาะกับหัวใจของสองคน
6) ตั้งกติกาเพื่อความสบายใจของทั้งคู่
กติกาเล็กๆ ทำให้การสื่อสารง่ายขึ้นมาก เช่น:
ห้ามทิ้งข้อความค้างคาในช่วงดึก
ถ้าไม่โอเคให้บอกเบาๆ ทันที
ขอเวลาเคลียร์ใจได้ แต่ต้องกลับมาคุย
ห้ามใช้คำพูดประชด ประโยคแทงใจดำ
ใช้คำพูดแทนอารมณ์ ไม่ใช้อารมณ์แทนคำพูด
กติกาที่ชัดเจนทำให้หัวใจปลอดภัย
และทำให้สองคนจับมือกันได้แน่นขึ้นกว่าเดิม
7) ความรักยุคนี้ต้องการ ความจริงใจที่นุ่มนวล
ความสัมพันธ์สมัยนี้ไม่ได้ต้องการความสมบูรณ์แบบ
ต้องการแค่สองคนที่สื่อสารกันด้วยความจริงใจ
เมื่อเหนื่อยก็พูด
เมื่อเสียใจก็เล่า
เมื่อไม่โอเคก็ขอพัก
เมื่อรักก็แสดงออกให้เห็น
ความรัก LGBTQ+ เติบโตได้เสมอ
เมื่อสื่อสารแบบไม่งอน ไม่จม ไม่หาย
และเดินไปด้วยกันในจังหวะที่ผ่อนคลาย ไม่กดดันกันจนเกินไป


