แชร์

เจาะลึกตัวตน Qforest Wedding Planner วางแผนจัดงานแต่งงาน

อัพเดทล่าสุด: 24 ธ.ค. 2025

30 ผู้เข้าชม

งานแต่งงานหลายงานเริ่มต้นจากธีม สี หรือภาพอ้างอิง แต่สำหรับ Qforest การออกแบบเริ่มจากสิ่งที่สำคัญกว่านั้น เรื่องราวของความรัก เพราะงานแต่งงานคือบทเริ่มต้นของชีวิตคู่ที่ควรถูกออกแบบอย่างตั้งใจ ทั้งในเชิงโครงสร้าง อารมณ์ และความหมาย บทสัมภาษณ์นี้จะพาไปรู้จักแนวคิด วิธีทำงาน และตัวตนของ Wedding Planner ที่มองงานแต่งงานเป็นพื้นที่ของการเล่าเรื่อง ไม่ใช่เพียงการจัดวางฉาก บทสัมภาษณ์เจาะลึกตัวตน Qforest Wedding Planner โดย คุณพิริยะ เตชะสุรังกูล

Q: จุดเริ่มต้น & เรื่องราวของแบรนด์ Qforest

คุณพิริยะ: เกิดขึ้นจากความหลงใหลในการ 'เล่าเรื่อง' ครับ เราเชื่อว่าทุกความรักมีเรื่องราวที่สวยงาม แต่หลายครั้งเรื่องราวเหล่านั้นยังไม่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างชัดเจนในวันสำคัญ เราเริ่มต้นจากการเป็นนักออกแบบงานอีเวนต์มาก่อน และเห็นช่องว่างว่า งานแต่งงานมักถูกจำกัดด้วย "รูปแบบ" มากกว่า "เนื้อหา" เราจึงผันตัวมาเป็น Wedding Planner ที่เน้นการออกแบบและตกแต่งสถานที่ เพราะเราอยากให้งานแต่งงานเป็นเหมือน "บทเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบ" ของเรื่องราวความรักของแต่ละคู่รัก

Q: ความตั้งใจแรกเริ่ม?

คุณพิริยะ: อยากให้คู่รักรู้สึก "เบาใจ" และ "ภูมิใจ" ครับ เบาใจที่ส่งต่อหน้าที่ให้เราดูแล และภูมิใจเมื่อแขกเดินเข้ามาแล้วสัมผัสได้ถึงรสนิยมและความเป็นตัวตนของพวกเขา

Q: ชื่อแบรนด์มาจาก?

คุณพิริยะ: Q (Quality) หมายถึงคุณภาพที่เรายึดถือเป็นที่ตั้ง ส่วน Forest สื่อถึงความร่มรื่น ความเป็นธรรมชาติ และการเติบโตที่ยั่งยืนเหมือนป่าไม้ที่ค่อยๆ เติบโตอย่างมั่นคงครับ

ตัวตนของงานตกแต่ง & เอกลักษณ์

Q: 3 คำนิยาม?

"Timeless, Emotional, Sophisticated"

Signature: งานโครงสร้างที่มีความพลิ้วไหว ผสมผสานกับการจัดดอกไม้ที่มีจังหวะ ไม่แน่นทึบจนเกินไป แต่ดูมีมิติในทุกมุมกล้อง

ความแตกต่าง: เราไม่ได้เน้นแค่ "ความเยอะ" แต่เราเน้น "สัดส่วนที่พอดี" การใช้แสงและเงเข้ามาช่วยส่งเสริมให้งานตกแต่งดูแพงและมีมนต์ขลังครับ

Q: เวลาคู่รักมาบรีฟงาน แบรนด์มีวิธีดึงตัวตนของคู่รักออกมาเป็นคอนเซปต์งานยังไง?

คุณพิริยะ: เราใช้เทคนิค "The Life Story Interview" ครับ เราไม่ได้ถามแค่ว่า "ชอบสีอะไร" แต่จะถามเรื่องราวสำคัญในชีวิตคู่ เช่น:

สถานที่เดทแรก/ขอแต่งงาน
หนังสือ/หนัง/เพลง ที่มีผลต่อความสัมพันธ์
ความฝันร่วมกันในอนาคต
สิ่งที่ทำให้รู้สึกเป็นตัวเองที่สุดเมื่ออยู่ด้วยกัน

เราจะนำคำตอบเหล่านี้มากลั่นกรองหา "แก่นสารทางอารมณ์" เพื่อกำหนดเป็น Key Concept

Q: ขั้นตอนการออกแบบตั้งแต่ moodboard → sketch → ลงงานจริงเป็นยังไง?

คุณพิริยะ: นำ Key Concept มาสร้าง Moodboard ที่มีทั้งสี, Texture, อารมณ์, และ Reference เพื่อยืนยันทิศทางกับคู่รัก

แปลง Moodboard เป็น 2D Floor Plan, Elevation Plan, และ 3D Sketch ที่ระบุสัดส่วน, วัสดุ, และรายละเอียดทางเทคนิค เพื่อให้ทีม Production และคู่รักเห็นภาพรวม

จากนั้น เริ่มต้นผลิตโครงสร้าง, ตัดเย็บผ้า, และจัดหาดอกไม้ อาจมีการทำ Mockup บางส่วน (เช่น องค์ประกอบหลักของ Backdrop) เพื่อตรวจสอบคุณภาพ

ติดตั้งงานจริง โดยเน้นการควบคุมเวลาและคุณภาพของงานไฟและดอกไม้สดเป็นขั้นตอนสุดท้าย

Q: วัสดุหรือเทคนิคไหนที่แบรนด์ถนัดเป็นพิเศษ?

คุณพิริยะ: เราถนัดเรื่อง โครงสร้าง Backdrop ที่มีความซับซ้อนและ การใช้ "งานไฟ" ในเชิง Design เรามักใช้ไฟวอร์มไลท์และสปอตไลท์ที่ถูกทิศทางเพื่อสร้างมิติและไฮไลต์งานดอกไม้สดและ Texture ของวัสดุอย่างเช่น ผ้า, โลหะผิวเงา, หรือหินอ่อน

Q: ทำงานกับสถานที่จัดงานแต่งงาน

สถานที่จัดงานแต่งงานมีผลกับดีไซน์ decor มากแค่ไหน?

คุณพิริยะ: มีผล 100% ครับ สถานที่คือ "ผืนผ้าใบ" ของเรา เราไม่สามารถเพิกเฉยต่อสถาปัตยกรรม, สีของผนัง, ความสูงเพดาน, หรือแม้แต่ทิศทางของแสงธรรมชาติได้เลย ดีไซน์ที่ยอดเยี่ยมคือการ "เสริม" จุดเด่นและ "พราง" จุดด้อยของสถานที่

Q: วิธีประเมินพื้นที่ วัดสัดส่วน และออกแบบให้เข้ากับฮอลล์หรือห้องจัดงานคืออะไร?

คุณพิริยะ: เราจะขอ Floor Plan และ Elevation ของห้องจัดงาน และทำการ On-site Survey เพื่อวัดสัดส่วนที่สำคัญ เราใช้ซอฟต์แวร์ 3D Modeling เพื่อจำลองการจัดวางและคำนวณสัดส่วนของ Backdrop ให้สัมพันธ์กับความสูงเพดาน เพื่อให้งานดูยิ่งใหญ่แต่ไม่ท่วมท้น

Q: มีสถานที่จัดงานแบบไหนที่ออกแบบง่ายสุด และแบบไหนที่ท้าทายที่สุด?

คุณพิริยะ: ง่ายสุด สถานที่แบบฮอลล์ที่ให้ความยืดหยุ่นสูง มีเพดานสูง และสีเป็นกลาง เพราะเราสามารถควบคุมแสงและสร้างบรรยากาศได้ทั้งหมดโดยไม่มีข้อจำกัดทางสถาปัตยกรรมเดิม

ท้าทายที่สุด สถานที่ที่มี "รายละเอียดสถาปัตยกรรมเยอะเกินไป" หรือ "ลวดลายเยอะ" เช่น โรงแรมเก่าที่มีสีสันจัดจ้าน หรือเสาเยอะ เพราะเราต้องออกแบบ Decor ให้กลมกลืนกับองค์ประกอบที่มีอยู่โดยไม่ดูขัดแย้ง และต้องหลีกเลี่ยงการบดบังรายละเอียดสำคัญของสถานที่

Q: เทรนด์งานตกแต่งงานแต่งปีนี้–ปีหน้า

เทรนด์ backdrop / งานตกแต่งที่กำลังมาแรงตอนนี้คืออะไร?

คุณพิริยะ: คู่รักเริ่มมองหาความหรูหราที่มาพร้อมกับความใส่ใจสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ดอกไม้ท้องถิ่น, วัสดุรีไซเคิล,Fabric Design งานโครงสร้างฉากผ้าที่ใช้ซ้ำได้

ส่วน Deconstructed Design คือการไม่ยึดติดกับ Backdrop ผืนเดียว แต่แยกองค์ประกอบตกแต่งออกเป็นส่วนๆ เพื่อสร้างมิติและการใช้งานที่หลากหลายในพื้นที่

Color Palette: โทนสีเข้ม ผสมกับสี Earth Tones เช่น Terracotta, Rust, Sage Green, และ Midnight Blue เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่นและลุ่มลึก

Q: สไตล์ไหนที่คิดว่าสวยเหนือกาลเวลา?

คุณพิริยะ: สไตล์คลาสสิกที่ถูกยกระดับขึ้นด้วยการเลือกใช้ดอกไม้สดที่มีคุณภาพสูง เน้นความอิ่มตัวของดอกไม้และความเรียบหรูของวัสดุ เช่น การใช้สีขาว-เขียว, โครงสร้างที่เรียบง่าย, และงานไฟที่นุ่มนวล นี่คือสไตล์ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังคงดูสง่างาม

Q: มองอนาคตของงาน decor ในไทยว่าจะไปในทิศทางไหน?

คุณพิริยะ: งาน Decor จะไม่ใช่แค่ฉากถ่ายรูป แต่จะกลายเป็นงานศิลปะจัดวางที่สามารถสัมผัส, เดินผ่าน, และมีปฏิสัมพันธ์ได้ อีกทั้งจะมีการนำ Digital/Interactive Element เช่น Projection Mapping มาผสมผสานกับงานตกแต่งจริงมากขึ้น

Q. เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในงาน

งานแต่งงานไหนที่รู้สึกประทับใจที่สุด?

คุณพิริยะ: งานที่คู่รักใช้ 'ความชอบในภาพยนตร์ แนว Galaxy ' ของพวกเขา เป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่งครับ เราได้ออกแบบ Backdrop และองค์ประกอบในงาน เป็นเหมือน ห้วงอวกาศ โดยใช้เทคนิคการจัดวางโครงสร้างและแสงเงาที่ทำให้รู้สึกเหมือนเดินเข้าไปในอวกาศ เป็นงานที่พิสูจน์ว่าเรื่องราวเล็กๆ ก็สามารถสร้างสรรค์งานที่ยิ่งใหญ่และมีเอกลักษณ์ได้อย่างแท้จริง

Q. เคยเจอเคสที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบไม่คาดคิดไหม?

คุณพิริยะ: เคยครับ เคสที่ท้าทายที่สุดคือ "ลมแรงที่ทำให้โครงสร้างดอกไม้มีปัญหา" ก่อนพิธีเริ่มเพียงไม่กี่ชั่วโมง การแก้ปัญหาคือต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วในการเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างด้วยวัสดุที่ซ่อนได้ และย้ายองค์ประกอบดอกไม้ที่มีน้ำหนักเบาไปไว้ในตำแหน่งที่ปลอดภัยขึ้น ซึ่งต้องใช้ความชำนาญทั้งด้านโครงสร้างและศิลปะควบคู่กันไป

Q: โปรเจกต์ไหนที่รู้สึกว่า “นี่แหละ...ตัวตนของแบรนด์ชัดที่สุด”?

คุณพิริยะ: โปรเจกต์ที่เราใช้ ใบไม้สีเขียว มาสร้างเป็นฉากตกแต่งคล้ายป่า และน้ำตก โดยให้แสงส่องผ่านเพื่อเกิด Spectrum ของแสงและเงา เป็นการใช้ Storytelling และ Green Material ผสมผสานกับ Structural Design และ Lighting Technique ได้อย่างลงตัว ซึ่งตรงกับปรัชญา " Timeless, Emotional, Sophisticated " ของเราอย่างชัดเจน

มุมลึกของ Wedding Planner

Q: หากเจอคู่รักที่ “ยังไม่รู้ธีมงานเลย” มีวิธีแนะนำอย่างไร?

คุณพิริยะ: เราจะเริ่มด้วยการให้คู่รักบอกว่า 'อะไรที่พวกเขาไม่ชอบที่สุด' เพื่อจำกัดขอบเขต จากนั้นใช้คำถามเพื่อหาแก่นสารที่แท้จริง เราจะนำเสนอภาพของ "ความรู้สึก" ก่อนที่จะลงรายละเอียดเรื่อง "สี" หรือ "ดอกไม้" เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจ

Q: บทบาทของ Wedding Planner ที่หลายคนอาจไม่รู้ว่าทำอะไรบ้างคืออะไร?

คุณพิริยะ: เราไม่ได้จัดแค่งาน แต่เราจัดระเบียบอารมณ์และความคาดหวังของทุกคนที่เกี่ยวข้อง เราเป็นเหมือนผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งทางรสนิยม และเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาเล็กๆ

วางแผนรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน Plan B, C, D ทุกขั้นตอน ตั้งแต่พายุ, ไฟดับ, ปัญหาซัพพลายเออร์, ไปจนถึงการจัดตารางเวลาให้กระชับ

Q: งานไหนที่ planner สำคัญที่สุด แต่คู่รักไม่ค่อยรู้?

คุณพิริยะ: การควบคุมเวลาในวันงานครับ หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องง่าย แต่การควบคุมทุกกิจกรรมให้อยู่ในกรอบเวลาอย่างมืออาชีพ โดยเฉพาะการประสานงานกับครัว, พิธีกร, ช่างภาพ, และวงดนตรี เพื่อให้งานไหลลื่นและสร้างบรรยากาศที่สบายๆ ให้กับคู่รัก คือสิ่งที่สำคัญที่สุด

คำแนะนำสำหรับคู่รักที่กำลังเลือกดีไซน์ตกแต่ง

Q: ควรเริ่มหาทีมตกแต่งล่วงหน้านานแค่ไหน?

คุณพิริยะ: สำหรับแบรนด์ที่เน้นงาน Custom Design และมี Production House ของตัวเอง ควรติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 9-12 เดือน ครับ เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการออกแบบ, การสั่งผลิตวัสดุพิเศษ, และการจัดสรรคิวของทีมงานมืออาชีพ

Q: อยากให้งานออกมาสวยแบบมืออาชีพ ควรเตรียมอะไรให้ทีมตกแต่งบ้าง?

คุณพิริยะ: บอกช่วงงบที่ชัดเจน ไม่ต้องระบุตัวเลขเป๊ะๆ ก็ได้ เพื่อให้ทีมออกแบบรู้ว่าสามารถใช้วัสดุและเทคนิคระดับใดได้

Reference ที่ชัดเจน นำภาพที่ ชอบ มา แต่ที่สำคัญกว่าคือภาพที่ ไม่ชอบ และเหตุผล รวมถึงรูปสถานที่จัดงานจริง

เรื่องราวส่วนตัว เตรียมใจเล่าเรื่องราวความรักให้ลึกซึ้ง เพื่อให้งานมีความหมาย

วิธีคุมงบงานตกแต่งแต่ยังให้สวยตามความต้องการ

โฟกัสงบประมาณส่วนใหญ่ไปที่พื้นที่สำคัญที่สุด เช่น Backdrop และทางเดินเข้างาน แล้วใช้วัสดุที่เรียบง่ายแต่มีสไตล์สำหรับพื้นที่อื่นๆ

ลดความเยอะ แต่เพิ่มความอลังการ แทนที่จะตกแต่งทุกมุม ให้ลดจำนวนจุดตกแต่งลง แต่เน้นให้จุดที่เหลือมีความอลังการและรายละเอียดที่สูงขึ้น เช่น จัดดอกไม้แค่ 3 จุด แต่จัดแบบ Full Installation

การใช้ดอกไม้ที่หาได้ง่ายในฤดูกาลนั้นจะช่วยลดต้นทุนดอกไม้สดได้อย่างมาก

Q: แบรนด์อยากพัฒนาไปในด้านไหนต่อ?

คุณพิริยะ: เราตั้งเป้าที่จะพัฒนาเป็น "Design Studio & Production House" ที่ให้บริการออกแบบและสร้างสรรค์งานอีเวนต์ระดับ High-End ที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่งานแต่งงาน และเน้นการลดปริมาณขยะและสนับสนุนการนำชิ้นส่วน Decor กลับมาใช้ใหม่

Q: สิ่งที่อยากบอกตัวเองตอนเริ่มธุรกิจครั้งแรก

คุณพิริยะ: "จงเชื่อมั่นใน 'Vision' ของตัวเอง อย่ากลัวที่จะปฏิเสธงานที่ไม่ได้สะท้อนตัวตนของแบรนด์ เพราะการสร้างแบรนด์ที่แท้จริงคือการสร้างเอกลักษณ์ที่ชัดเจน และจำไว้ว่า 'ความสมบูรณ์แบบไม่ได้อยู่ที่การไม่มีข้อผิดพลาด แต่อยู่ที่การแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้อย่างสง่างาม'

ชื่อแบรนด์: Qforestweddingplanner

ชื่อเจ้าของแบรนด์: นายพิริยะ เตชะสุรังกูล

ปีที่ก่อตั้ง: 2010

ช่องทางการติดต่อ:

Facebook: www.facebook.com/qforest

โทร: 095-362-6361, 084-900-9008

Line ID: 0953626361

Tags :

เวดดิ้งแพลนเนอร์