แต่งงานไม่ใช่แค่การเปลี่ยนสถานะ แต่เป็นการเปลี่ยนชีวิตจาก “เรา” เป็น “เราและเขา” จากที่เคยใช้ชีวิตตัวคนเดียว หรือแค่เป็นแฟนกันแบบไม่ต้องคิดอะไรเยอะ พอแต่งงานแล้ว ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม เรื่องเล็กๆ ที่เคยไม่สนใจ กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องปรับจูน ถามว่าต้องเปลี่ยนตัวเองแค่ไหน คำตอบคงไม่มีสูตรตายตัว เพราะแต่ละคู่ก็มีจังหวะและความคาดหวังที่ต่างกัน
บางคนเคยใช้ชีวิตแบบอิสระ อยากไปไหนไป อยากกินอะไรกิน อยากใช้เงินยังไงก็ใช้ พอแต่งงานแล้ว อยู่ๆ ต้องมาคิดเผื่ออีกคน ว่าจะกินอะไรดี จะใช้เงินยังไงให้เหมาะ จะออกไปไหนต้องบอกกันก่อน มันอาจจะรู้สึกอึดอัดช่วงแรกๆ แต่ก็เป็นการปรับเพื่อให้ใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างราบรื่น
เรื่องนิสัยก็เหมือนกัน คนเราโตมากับสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน เคยอยู่บ้านที่เงียบๆ ไม่มีเสียงดัง อยู่ๆ ต้องมาใช้ชีวิตกับคนที่เปิดทีวีเสียงดังทั้งวัน หรือเคยเป็นคนที่ชอบทำอะไรเอง ไม่ชอบให้ใครยุ่ง แต่แต่งงานแล้วต้องมาแชร์ทุกเรื่องกับอีกคน มันอาจจะขัดๆ กันไปบ้าง แต่ถ้ารักกันจริง ยังไงก็หาทางปรับกันได้
ไม่ใช่ทุกอย่างต้องเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากันพอดี แต่บางเรื่องต้องยอมรับกันมากกว่าพยายามเปลี่ยน เช่น นิสัยบางอย่างที่เป็นตัวตนของกันและกัน ถ้าฝืนเปลี่ยนเพื่อให้ถูกใจอีกฝ่าย สุดท้ายมันจะกลายเป็นความอึดอัดและความคับข้องใจ เพราะการแต่งงานไม่ใช่การพยายามเปลี่ยนตัวเองจนไม่เหลือความเป็นตัวเอง แต่มันคือการหาจุดตรงกลางที่ทำให้ใช้ชีวิตด้วยกันได้อย่างสบายใจ
บางอย่างต้องปรับเพื่อให้อยู่กันได้ แต่บางอย่างก็ต้องยืนหยัดเพื่อให้ยังเป็นตัวของตัวเอง ความรักหลังแต่งงานมันไม่ได้หายไปง่ายๆ ถ้าแค่รู้ว่าควรเปลี่ยนอะไร และควรรักษาอะไรไว้ให้เหมือนเดิม